Route1: I–san Festival Route

อุบลราชธานี


Day1  เดินทางจากกรุงเทพฯ ด้วยเครื่องบิน
ไปอุบลราชธานี ไปร่วมทำเทียนพรรษา ทั้งแบบ
ติดพิมพ์และแกะสลัก ที่วัดบูรพา
      ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดอุบลราช
ธานี มีอายุกว่า 200 ปี สมัยก่อนหลวงปู่มั่น ภูริ
ทัตโตบูรพาจารย์ชื่อดัง เคยเดินทางมาจำพรรษา
ที่วัดแห่ง ชมโบราณสถานล้ำค่าของวัดบูรพา 
คือ สิม ที่สร้างด้วยดินเหนียว

      ปัจจุบันกรมศิลปากรได้จดทะเบียนขึ้นเป็น
โบราณสถานแล้ว มีหอไตรบกคู่ สร้างอยู่บนดิน 
สำหรับเป็นสถานที่เก็บหลักธรรมคำสอนต่างๆ
อีกด้วย  
     ไปชมเทียนพรรษาแบบแกะสลัก ที่ร้านดารา
ศิลป์ และกรรมวิธีแกะสลักต้นเทียนให้สวยวิจิตร
พักค้างคืนในเมืองอุบลเพื่อเตรียมตัวร่วมงานบุญ
ใหญ่ร่วมกับชาว เมืองดอกบัวแต่เช้าตรู่


Day2   หาอาหารเช้ารองท้องก่อนร่วม แห่เทียนเข้าพรรษา งานเริ่มตั้งแต่ 08.00 น. ขบวนรถแห่แล่นไปตาม
ถนนอุปราช ผ่านหน้าศาลากลาง ไปถนนชยางกูร เป็นระยะทางประมาณ 2-3 กม.
       โดยขบวนอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน ขบวนเทียนพรรษาของคุ้มวัด ชุมชน ประชาชน และ สถาบัน
การศึกษา ใครที่ไม่ชอบยืนเบียดเสียดกับคนอื่น ก็มีอัฒจันทร์นั่งชมไว้บริการ บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัด อัตราค่าบริการประมาณคนละ 200 บาท
      หลังจากนั้น นำเทียนพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน และเครื่องใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ ไปถวายพระสงฆ์ตามวัด กลางคืน
ชม การแสดงทางศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง การจัดงานพาแลง การประกวดธิดาเทียนพรรษา ณ ลานเทียนเฉลิม
พระเกียรติ ทุ่งศรีเมือง รวมไปถึงมหรสพและการสมโภชต้นเทียนที่มีตลอดทั้งคืน

Day3   ตื่นเช้าด้วยความอิ่มใจอิ่มบุญกับงานประเพณีที่งดงาม เลือกซื้อของฝาก ชมการผลิตทอไหมผ้ากาบบัว
ผ้ามัดหมี่ ผ้าลายขิต ที่บ้านคำปุ่น ซึ่งเปิดครั้งเดียวช่วงเข้าพรรษา จากนั้นเดินทางกลับกรุงเทพฯ


ไปจั่งไสดี้(การเดินทาง)
       ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (พหลโยธิน) ไปสระบุรี เลี้ยวเข้าทางหลวงหมายเลข 2 (มิตรภาพ)ต่อด้วยทาง
หลวงหมายเลข 24 (สายโชคชัย-เดชอุดม) ไปจนถึงอุบลราชธานี หรือใช้เส้นทางกรุงเทพฯ- นครราชสีมา
แล้วต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 226 ผ่านบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และเข้าสู่จังหวัด อุบลราชธานี
       งานประเพณีแห่เทียนพรรษา เริ่มขบวนจากหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม อยู่ทางใต้ของศาลากลางจังหวัด
ถนนอุปราชไปตามถนนมาสิ้นสุดที่ี่ทุ่งศรีเมือง เทศบาลเมือง จ.อุบลราชธานี

ม่วนซื่นคั่กๆ เลอะเที่ยวมอๆ (ท่องเที่ยวใกล้เคียง)
       วัดหนองป่าพง ตั้งอยู่ที่บ้านพงสว่าง หมู่ที่ 10 ตำบลโนนผึ้ง อำเภอวารินชำราบ ห่างจากตัวจังหวัดอุบล
ราชธานี ไปทางอำเภอกันทรลักษ์ ตามถนนทางหลวงหมายเลข 2178 ประมาณ 8 กม. ชม  พระอุโบสถ เลียน
แบบธรรมชาติ จากแนวความคิดของหลวงปู่ชา สุภัทโธ และเจดีย์บรรจุอัฐิพิพิธภัณฑ์พระโพธิญาณ
       วัดป่านานาชาติ ตั้งอยู่ที่บ้านบุ่งหวาย อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธาน
ีประมาณ 14 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 226 จัดเป็นวัดสาขาอันดับที่ 19 ของวัดหนองป่าพง มีพระ
ภิกษุสามเณรชาวต่างชาติมาจำพรรษา เพื่อศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย และปฏิบัติทางวิปัสสนากรรมฐาน
วัดภูเขาแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร ห่างจากตัวจังหวัดอุบลราชธานี ประมาณ 44 กิโลเมตร ก่อนถึงอำเภอ
พิบูลมังสาหาร ประมาณ 1 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 217


แซบอีหลีน่าบ๊าน (อร่อยประจำถิ่น)
       ร้านกกขาม  ถนนสายเลี่ยงเมือง อ.เมือง ใกล้สะพาน
หาดคูเดื่อ โทร. 0-4526-8214 อาหารเด่น ปิ้งปลาทา
เกลือ ปิ้งไก่บ้าน แบบเมืองอุบลฯ
      ร้านคุณเต่ ถนนนครบาล อ.เมือง โทร. 0-4524-2278
อยู่หลังโรงเรียนอนุบาลอุบล ร้านเก่าแก่ บริการอาหารพื้น
เมืองประเภทอาหารป่า แกงป่า นก อ่อมกบ แจ่วฮ้อน เค็ม
บักนัท
      99 ก๋วยจั๊บรสแซบ ถนนพิชิตรังสรรค์ อ.เมือง โทร. 0-4526-0424, 08-9284-3325 ร้านอยู่หัวมุมใกล้เนื้อ
ย่างเกาหลีหมื่นทิพย์ อาหารยอดฮิตของชาวอุบลฯ บางทีก็
เรียกก๋วยจั๊บเส้นเล็ก
       บ้านคุณปู่ ถนนเจริญราษฎร์ อ.เมือง โทร. 0-4524-
0910, 08-9845-0884 ครัวอาหารไทย-อเมริกัน โดย
เชฟมืออาชีพประสบการณ์ 30 ปีจากอเมริกา บรรยากาศ
อบอุ่น เป็นกันเอง
       ก๋วยเตี๋ยวเป็ดเอเซีย สาขา 3 ถนนสายอุบลฯ-ตระการ
โทร. 0-4524-3507,08-1600-8905 หลังโรงเรียน
ปทุมวิทยาคาร บริการก๋วยเตี๋ยวเป็ดตุ๋น ข้าวหน้าเป็ด อย่า
ลืมขนมหวาน แปะก้วย-เม็ดบัว-พุทราจีน

       เล็กนมสด ถนนอุปลีสาน อ.เมือง โทร. 0-4524-0149 ใกล้โชว์รูมโตโยต้าอุบลฯ  นมดี สังขยาดัง ขนมปัง
อร่อย ดารามาชิมเยอะ มีรูปแปะข้างฝายืนยัน
       เดอะเบสต์ฟาร์ม ถนนชวาลานอก อ.เมือง โทร. 0-4525-5355 ใกล้ร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น เจ้าของร้าน
มีฟาร์มเป็นของตัวเอง รับประกันความสด อร่อย ขอแนะนำ นมซ่าส์ สูตรเฉพาะของร้าน


ฮู้ก่อนเดินทาง(รู้ก่อนเดินทาง)
      หากต้องการที่จะไปร่วมงานบุญประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาแล้วละก็ ต้องเตรียมรับมือกับผู้คนจำนวนมาก
ที่จะหลั่งไหลไปที่งานที่จัดขึ้นเพียง 2-3 วันเท่านั้น และควรตรวจสอบวัน-เวลาก่อนออกเดินทางที่ สำนักงาน ททท.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เขต 2 โทร. 0-4524-3770, 0-4524-3771
      ถ้าต้องการไปเที่ยวชมชุมชน หรือ คุ้มวัดต่าง ๆ ในช่วงที่กำลังเตรียมการตกแต่งต้นเทียน  ต้องไป 2-3 วันก่อนวันแห่ นอกจากผู้มาเยือนจะได้ศึกษากรรมวิธีและขั้นตอนการตกแต่งเทียนแล้ว ยังจะได้สัมผัสบรร
ยากาศการร่วมแรงร่วมใจของชุมชน ในการทำกิจกรรมทางพุทธศาสนา ซึ่งถือเป็นวิถีวัฒนธรรมพื้นบ้าน
ที่สำคัญของชาวอุบลฯ สำหรับคุ้มวัดที่น่าสนใจ เช่น วัดบูรพา วัดหนองบัว วัดสว่างอารมณ์ วัดศรีประดู่ทรงธรรม วัดสุทัศวนาราม วัดทุ่งศรีเมือง และวัดผาสุการาม
      ในช่วงค่ำของวันอาสาฬหบูชา จะเป็นเวลาที่ต้นเทียนพรรษาจากคุ้มวัดต่างๆ กว่า 30 ต้น จะถูกเคลื่อนย้าย
มาตั้งไว้ ณ บริเวณถนนรอบๆ ทุ่งศรีเมือง เพื่อเตรียมการเข้าร่วมขบวนแห่ในเช้าวันรุ่งขึ้น ในช่วงนี้ต้นเทียน
จะได้รับการตกแต่งอย่างสมบูรณ์ ประกอบกับสถานที่ตั้งจะได้รับการจัดเตรียมไว้อย่างดี เช่น การเตรียม
แสงไฟไว้สาดส่องต้นเทียน การประดับประดาบริเวณงานอย่างเป็นระเบียบ ดังนั้น ในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลา
ที่ดีที่สุดในการชมศิลปการตกแต่งเทียนอย่างใกล้ชิด ละเอียดลออ โดยไม่มีข้อจำกัดในเรื่องเวลา ถือได้ว่าเป็น
การแสดงศิลปะตกแต่งเทียนที่งดงาม และสมบูรณ์ที่สุดของประเทศไทย



Route :
I-san Along Mekong River Route

อุบลราชธานี - มุกดาหาร


Day1    บินตรงจากกรุงเทพฯ สู่อุบลราชธานี เริ่มต้นขับรถไป แก่งตะนะ อำเภอโขงเจียม แหล่งท่องเที่ยวชาย
แดนไทย–ลาว แก่งตะนะ เป็น แก่งใหญ่ที่สุดกลางลำน้ำมูล อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติแก่งตะนะ ใจกลางแก่งมี
โขดหินทรายเป็นเกาะเกิดจากลำน้ำมูล
        บริเวณแก่งตะนะมีสายน้ำที่เชี่ยวและลึก ใต้ท้องน้ำมีโขดหินและโพรงถ้ำใต้น้ำหลายแห่ง จึงทำให้มีปลา
มาอาศัยบริเวณแก่งตะนะมากมาย
        ขับรถต่อไป อุทยานแห่งชาติผาแต้ม ชมภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ผาแต้ม ผาหมอน ผาลาย ประติมา
กรรมธรรมชาติเสาเฉลียง ไปชม น้ำตกสร้อยสวรรค์ ความสูง 20 เมตร เป็นน้ำตกขนาดใหญ่เกิดจากลำธาร
ห้วยสร้อยและห้วยไผ่ ที่ไหลจากหน้าผาคนละด้านมาบรรจบกัน บริเวณน้ำตกเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้
นานาพรรณ น้ำตกสร้อยสวรรค์จะสวยงามมากในช่วงปลายฤดูฝน
กลับมาพักที่ตัวเมืองอุบลราชธานี

Day2    ตื่นตอนเช้า เติมพลังด้วยการทานอาหารง่ายๆ อย่าง ก๋วยจั๊บ ไข่กระทะ ที่อุบลราชธานี ก่อนเดินทาง
ไปเที่ยวต่อ ผาน้ำย้อย (พุทธ-อุทยานอีสาน) จ.ร้อยเอ็ด เป็นผาหินขนาดใหญ่ ซึ่งมีน้ำไหลซึมตลอดปีอยู่
        พระมหาเจดีย์ชัยมงคล องค์พระเจดีย์ทาสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อม
ด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศ 
        ขับรถต่อไปยังมุกดาหาร ก่อนเข้าตัวเมืองแวะไปชมธรรมชาติของแม่น้ำโขงที่ แก่งกะเบา แก่งหินยาว
เหยียดตามลำน้ำโขง บนฝั่งมีลานหินกว้างใหญ่เป็นที่พักผ่อนได้อย่างดี ในฤดูแล้งน้ำจะลดจนเห็นเกาะแก่ง
กลางน้ำ
        จากนั้นเข้าตัวเมือง ชม สะพานมิตรภาพ 2 –ข้ามจากมุกดาหาร ไป สะหวันนะเขต เป็นเส้นทางหมาย
เลข 9 ที่จะสามารถเชื่อมต่อไปยังเวียดนามในระยะทาง 245 กิโลเมตรได้   และไปหอแก้วมุกดาหารเฉลิม
พระเกียรติกาญจนาภิเษก ตั้งอยู่บนถนนชยางกูร (มุกดาหาร-ดอนตาล)จุดนี้สามารถชมทัศนียภาพกว้างไกล
รอบตัวเมือง บันทึกภาพแม่น้ำโขงและฝั่งลาว
        ทานอาหารเย็นแสนอร่อยรับลมพัดเย็นพลิ้วที่ร้าน Wine, Wild, Whyรสชาติจัดจ้านติดริมฝั่งโขง ชม
บรรยากาศฝั่งลาว อิ่มอาหารแล้วแวะไปนั่งจิบกาแฟที่ร้านเก๋ Good Mook ก่อนค้างคืนที่มุกดาหาร


Day3    ทานอาหารเช้าแล้ว ไปช้อปปิ้ง ตลาดสินค้าอินโดจีน ริมแม่
น้ำโขงติดกับด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นแหล่งรวมสินค้าเครื่องใช้
ต่างๆ จากในประเทศและต่างประเทศ
        ขับรถกลับอุบลราชธานี ขับรถผ่านจังหวัดอำนาจเจริญ แวะ
นมัสการ พระมงคลมิ่งเมือง พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่รับอิทธิพลจาก
ศิลปะแบบปาละของอินเดียเหนือที่พุทธอุทยานบริเวณ เขาดานพระ
บาท
       ทางด้านหลังของพระมงคลมิ่งเมืองมีพระพุทธรูปลักษณะแปลก
อีก 2 องค์ ซึ่งห่มจีวรเหลือง มีนามว่า “พระละฮาย” หรือที่ชาวบ้าน
เรียกว่า “พระขี่ล่าย” หมายถึง ไม่สวย เชื่อกันว่าเป็นพระที่ให้โชคลาภ
ประชาชนมักเดินทางมาขอพรอยู่เสมอ ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินกลับสู่
กรุงเทพฯ

ไปจั่งไสดี้ (การเดินทาง)
         จังหวัดอุบลราชธานีอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ประมาณ 629 กม. ทางรถไฟ ประมาณ
575 กม. สะดวกทั้งทางรถโดยสาร-ประจำทาง รถไฟ และเครื่องบิน
       การเดินทางไป
แก่งตะนะไปได้สองเส้นทาง คือ ใช้ทางหลวงหมาย-เลข 217 (อุบลราชธานี-พิบูลมังสาหาร-
ช่องเม็ก ระยะทางประมาณ 75 กิโลเมตร) แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทาง 2173 อีก 13 กิโลเมตร ส่วนอีก
เส้นทางหนึ่ง ใช้ทางหลวงหมายเลข 2222 ผ่านอำเภอโขงเจียมประมาณ 4 กิโลเมตร แล้วข้ามแม่น้ำมูลไปอีก 12 กิโลเมตร  
       
ไปผาแต้ม จากอำเภอโขงเจียม ใช้ทางหลวงหมายเลข 2134 ต่อด้วยทางหลวงหมายเลข 2112 ถึง
กิโลเมตรที่ 8 แล้วเลี้ยวขวาไปผาแต้มอีกราว 5 กิโลเมตร รวมระยะทางจากโขงเจียมประมาณ 18 กิโลเมตร
สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ได้แก่ น้ำตกสร้อยสวรรค์ ไปตามทางหลวงหมายเลข 2112 กิโลเมตรที่ 20 เลี้ยว
ขวา 5 กิโลเมตร ถึงบริเวณลานจอดรถยนต์เดินเท้าอีก 500 เมตร
 
ม่วนซื่นคั่กๆ เลอะเที่ยวมอๆ (ท่องเที่ยวใกล้เคียง)
       
สามพันโบก แก่งหินใต้ลำน้ำโขง ซึ่งเป็นที่เพาะพันธุ์สัตว์
น้ำจืดในลำน้ำโขงตามธรรมชาติแหล่งใหญ่ที่สุด ในฤดูน้ำหลาก
แก่งหินจะจมอยู่ใต้บาดาล และด้วยแรงน้ำวนกัดเซาะ เราจะได้
เห็นแก่งหินกลายเป็นแอ่งเล็กใหญ่กว่า 3,000 แอ่ง หรือ 3 พัน
โบก ส่วนในหน้าแล้งสามพันโบกจะโผล่พ้นน้ำให้เห็นเป็นคล้าย
ภูเขากลางลำ จึงได้ชื่อเรียกว่า แกรนด์แคนยอนเมืองไทย บาง
แห่งใหญ่ขนาดเป็นสระว่ายน้ำ บางแอ่งขนาดเล็ก มีรูปร่าง
ลักษณะที่แตกต่างกันออกไป เช่น รูปดาว วงรี งดงามมาก ซึ่ง
สามารถล่องเรือชมความงามได้ 

มุกดาหาร
ผึ้งหลวง รอยพญานาค ที่โรงแรมพลอยพาเลซมุกดาหาร

 

มีผึ้งหลวงมงคลมาทำรังขนาดใหญ่จำนวน 15 รังที่จั่วชั้น 8 และ ชั้น 9 ของโรงแรม ห้องพัก และยังมีรอย
พญานาค นี้ปรากฏขึ้นเองอย่างชัดเจนบนผืนผ้าม่านซีกซ้ายในห้องนอนใหญ่ของห้องเพรสซิเด้นท์สวีท  
จึงมีคนแวะเวียนมาดูความมหัศจรรย์เหล่านี้ไม่ได้ขาด โรงแรมพลอยพาเลซ อยู่บนถนนพิทักษ์พนมเขต
อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร โทร.042-631-111  

สกลนคร
      
วัดสองคอน ป่าศักดิ์สิทธิ์ นอกจากเป็นแหล่งศาสนาคริสต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังมีชื่อเสียง
ในเรื่องความงดงามแปลกตาของตัวอาคาร ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่ใหญ่และสวยที่สุดในอุษาค
เนย์ และได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น สมาคมสถาปนิกสยาม ในพระบรมราชูปถัมภ์ ปี 2539 โดยผนังของวัดและส่วนไว้พระธาตุเป็นกระจกใส บริเวณด้านหน้าเป็นส่วนประกอบพิธี มีพื้นที่กว้างขวาง ส่วนด้านหลังเป็นที่เก็บอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ซึ่งเป็นนักบุญที่ยอมพลีชีพเพื่อศาสนาคริสต์ด้วยความศรัทธา ภายในมีโลงแก้วบรรจุหุ่นขี้ผึ้งของท่านเหล่านั้น และกำแพงโบสถ์สร้างโอบล้อมโบสถ์เป็นครึ่งวงกลม มีผนังโค้งประดับภาพนูนต่ำ เล่าเรื่องราวประวัติบุญราศีแห่งวัดสองคอน ใกล้กันนั้นเป็นป่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ฝังร่างของนักบุญทั้ง 7 นั่นเอง

แซบอีหลีน่าบ๊าน (อร่อยประจำถิ่น)
       ลองชิมเค็มบักนัด อาหารพื้นบ้านของอุบลราชธานี ทำจากสัปรดหมักกับเกลือ เนื้อปลาเทโพ
นำมาหลนคล้ายหลนเต้าเจี้ยว โรยด้วยหอมแดง ทานกับข้าวสวย
      ร้านบีเจ น่องไก่ตุ่น ตรงข้ามโรงแรมพลอยพาเลซ มุกดาหาร  เมนูเด็ด ก๋วยเตี๋ยวไก่ตุ๋น หมูตุ๋น
ก๋วยเตี๋ยวหลอดสูตรโบราณ โทร.042 630 986
      ชิมแกงคั่วหอยขม ที่ร้านสุชาวดี  โทร.042 611 882
      ถ้าชอบเมนูปลาสดจากลำน้ำโขง  แนะนำร้าน ปลาคู่ โทร.081 769 5533 และร้านครัวบ้านริมน้ำ
โทร.042 630 986

ฮู้ก่อนเดินทาง(รู้ก่อนเดินทาง)
        เนื่องจากแหล่งท่องเที่ยวในเส้นทางเชื่อมโยงแม่น้ำโขงครั้งนี้ใช้ระยะทางที่ไกล จำเป็นจะต้องตรวจ
สอบและเช็คสภาพรถให้พร้อม รวมถึงอากาศในแดนอีสานใต้ค่อนข้างร้อนจัด ดังนั้นจึงต้องเตรียมชุดที่
เหมาะสม รวมถึงการไปเที่ยวชม นมัสการวัด และพุทธอุทยานในหลายจังหวัด จึงควรเตรียมชุดแต่งกาย
ที่เหมาะสมในการเข้าศาสนสถานสำคัญเหล่านี้ด้วย

 
 

Route3 :
I-san Indochina Gateway Route

อุดร-หนองคาย-เวียงจันทร์

Day1    ขึ้นเครื่องบินบอกลาเมืองกรุงสัก 3 วัน กับเส้นทาง I-san Indochina เมื่อถึงอุดรธานี ขับรถชม
ตัวเมืองอุดร รับประทานอาหารเที่ยงแบบพื้นบ้านที่ร้านคิง โภชนา  ไปสักการะ “ศาลเจ้าปู่เจ้าย่า” ซึ่งเป็น
เทพเจ้าแห่งความเมตตา ที่ได้รับการกล่าวขานว่า เป็นเทพอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่เมตตาแก่คนยากไร้
        จากนั้นไป บ้านนาข่า ชมวิธีการทอผ้าขิต และเลือกซื้อผ้าขิตที่จำหน่ายในราคาไม่แพง และเดินทางสู่
จ.หนองคาย ดินแดนแห่งรอยยิ้ม ที่เชื่อมฝังโขงเปิดประตูทางลัดสู่อินโดจีน แวะวัดวัดหินหมากเป้ง อยู่นอก
ตัวเมืองไป 75 กิโลเมตร วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งโขงที่สวยงาม เงียบสงบงดงามด้วยพรรณไม้ สร้างโดยหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี เกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคอีสาน  ภายในวัดมีเจดีย์ซึ่งประดิษฐาน และการแสดงเครื่องอัฐบริขารและ
ประวัติพระอาจารย์เทสก์  หลังจากนั้นไปรับประทานอาหารเย็นที่ตลาดท่าเสด็จ พักค้างคืนที่โรงแรมในเมือง
หนองคาย

Day2    ตื่นแต่เช้าตรู่ ทานอาหารเวียดนามรับอรุณริมน้ำโขง ขับรถข้ามสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ไป
เที่ยวเวียงจันทร์ บ้านปี้เมืองน้อง เมืองเวียงจันทร์นั้นเที่ยวง่าย แค่มีเงินไทยติดกระเป๋าจับจ่ายได้สบายใจ
เมื่อทำใบผ่านแดนเรียบร้อย ก็เดินทางเข้าสู่ลาว ตรงสู่เวียงจันทร์
ชาวลาวมีชีวิตความเป็นอยู่เรียบง่าย และศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างมาก ควรไปชม พระธาตุหลวง
ที่งดงาม ถึงเวลาเที่ยงไปรับประทานอาหารพื้นเมืองที่ วงเวียนประตูชัย อิ่มแล้วไปชมชม ประตูชัย ที่คล้าย
ประตูชัยของฝรั่งเศส
จากนั้นไปชม พิพิธภัณฑ์เมืองลาว และ หอพระแก้ว ที่เคยประดิษฐานพระแก้วมรกตของไทย ก่อน
พระอาทิตย์ตกดิน
เดินทางข้ามกลับสู่ประเทศไทย หากยังไม่หิว ขอให้ไปนมัสการ หลวงพ่อใส และชมพิพิธภัณฑ์กลาง
แจ้งที่มีรูปปั้นทางศาสนาที่สวยงามอลังการ ที่เกิดจากแรงบันดาลใจของหลวงปู่บุญเหลือ สุรีรัตน์ เปิดให้เข้า
ชมทุกวัน ระหว่างเวลา 07.00–17.00 น. ค่าเข้าชมคนละ 10 บาท

Day3    ก่อนเดินทางไปอุดร  ระหว่างทางแวะชม อุทยานประวัติศาสต์ภูพระบาท ที่สันนิษฐานว่าเคยเป็น
ที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคหินในอดีต  มีหลักฐาน เช่น ภาพเขียนสีรูปสัตว์ของมนุษย์ยุคหิน ร่องรอยการอยู่
อาศัยที่ปรากฏอยู่ที่หิน เพิง และถ้ำต่างๆ เช่นถ้ำลายมือ ถ้ำโนนสาวเอ้ ถ้ำคน ถ้ำวัวแดง ลานหินโนนสาวเอ้
      ซึ่งมีร่องรอยให้เราได้จินตนาการ ตามตำนานพื้นบ้านอีสาน “นางอุสา-ท้าวบารส” และแวะซื้อของ
ฝากก่อนเดินทางกลับ

 

 

ไปจั่งไสดี้ (การเดินทาง)
        อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท ตั้งอยู่บริเวณเชิงเขาภูพาน ครอบคลุม
พื้นที่ประมาณ 3,430 ไร่ ในเขตบ้านติ้ว ตำบลเมืองพาน อยู่ห่างจากตัวจัง
หวัดระยะทางประมาณ 67 กิโลเมตร ตามเส้นทางหมายเลข 2 เส้นอุดรธานี-
หนองคาย ถึงบริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 13 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมาย
เลข 2021 ไปทางอำเภอบ้านผือ ระยะทางประมาณ 42 กิโลเมตร แยกขวา
ประมาณ 500 เมตร และตรงไปตามเส้นทางหมายเลข 2348 อีกประมาณ
12 กิโลเมตร มีแยกขวาเป็นทาง เข้าไปประมาณ 2 กิโลเมตร

ม่วนซื่นคั่กๆ เลอะเที่ยวมอๆ
        น้ำตกเจ็ดสี จังหวัดหนองคาย เป็นน้ำตกจากหน้าผาสูงแล้วเกิดเป็นละ
อองไอน้ำกระทบกับแสง แดดยามบ่ายทำให้เกิดสีต่าง ๆ ขึ้น จึงเรียกน้ำตก
เจ็ดสี มีทั้งหมด 3 ชั้น ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่บ้านดอนเสียด หมู่ที่ 3 ตำบลบ้าน
ต้อง อำเภอเซกา การเดินทางใช้เส้นทางสาย อำเภอเซกา-บ้านดงบัง ประ
มาณ 40 กิโลเมตร และห่างจากตัวจังหวัด 264 กิโลเมตร
       ภูทอก จังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร หรือวัดภู
ทอก ซึ่งความหมายของภูทอกก็คือ ภูเขาที่โดดเดี่ยว โดยในอดีตนั้นตรง
บริเวณนี้เคยเป็นป่าทึบ มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ จนพระอาจารย์จวน กุลเชษโฐ
ได้เข้ามาตั้งแหล่งบำเพ็ญเพียร เนื่องจากเป็นสถานที่ที่สงบเงียบ ห่างออก
ไปอีก 163 กม. ไปยังอำเภอศรีวิไล นขึ้นยอดภูทอกมี 7 ชั้นด้วยกัน เส้น
ทางลาดชันใช่เล่น แต่ทางวัดได้สร้างบันไดไม้ไว้ให้เดินกันได้งสะดวก
ระหงทางนอกจากจะมีต้นไม้ร่มครึ้มแล้ว ก็ยังมีดอกไม้ป่าดอกเล็กๆ
สีสวยไว้ให้ชมกันเป็นระยะๆ และมีสถานที่สำหรับปฏิบัติธรรมเป็นจุดๆ
ดังนั้นผู้ที่ขึ้นมาชมจึงควรส่งเสียงดัง
      วัดสีสะเกด  ที่เวียงจันทร์ ลักษณะพิเศษของวัดนี้อยู่ที่ความอลังการของ
พระพุทธรูป 6,840 องค์ ที่ฝังอยู่ตามช่องกำแพงพระธาตุหลวง มีภูมิสถาปัตย์
ที่งดงาม มีวิหารใหญ่อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยระเบียงคดทั้ง 4 ด้าน ภายใน
มีจิตรกรรมฝาผนัง จุดเด่นของวัดนี้คือ หอไตร หรือ หอธรรม ซึ่งมีรูปทรง
คล้ายมณฑป มีหลังคาลดหลั่นเป็นชั้นๆตามศิลปะช่างสกุลล้านช้าง ด้านหน้า
มี
อนุสาวรีย์พระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ประดิษฐานอยู่ ส่วนองค์พระธาตุ
หลวงเหลืองอร่ามดุจทองที่ปรากฏด้านหลังอนุสาวรีย์นั้น เป็นที่บรรจุพระ
บรมสารีริกธาตุ เป็นพระธาตุที่มีขนาดสูงและใหญ่ที่สุดในลาว มีความสูงถึง
45 เมตร


แซบอีหลีน่าบ๊าน (อร่อยประจำถิ่น)
      
ดงป่าลานไนท์มาร์เก็ต ถนนบ้านฝ้าย เสิร์ฟเบียร์ลาวเคล้าบรรยากาศพระอาทิตย์ตกดิน
      ตำหนักลาว บริเวณประตูชัย เข้าวงเวียนเลี้ยวขวาออกไปประมาณ 100 เมตร บริการอาหารไทย -
ลาว และอาหารตามสั่ง กลางคืนมีนาฎศิลป์ลาวแสดงให้นักท่องเที่ยวชม
      ร้านนางคำบาง ร้านอาหารพื้นเมืองของชาวเวียงจันทร์ อยู่ถนนเส้นริมแม่น้ำโขงข้างวัดองค์ตื้อ
เมนูเด็ด ลาบไก่งวง ปลาปิ้งส้มผักกาด ปลาเนื้ออ่อนนึ่งแจ่ว และ อาหารพื้นเมืองอีกหลายอย่าง รสชาดแบบ
อาหารลาวแท้ๆ ไม่เข้มข้นรสจัดเหมือนอาหารอีสาน
      ภัตตาคารแองแต๊ก (INTER) หน้าโรงแรมแองแต๊ก ต้องทานสเต๊กแบบฝรั่งเศส
      ร้านข้าวปุ้นสี่เอื้อยน้อง ร้านขนมจีนน้ำยาพื้นเมือง (น้ำแจ่วหรือน้ำต้มเครื่องในหมู) ขายส้มตำและ
แหนมคลุกด้วย อยู่ด้านข้างโรงแรมแองแต๊ก
      ขอบใจเด้อ ร้านอาหารกินดื่มมีชื่อที่สุดในย่านวงเวียนน้ำพุและริมโขงขึ้นชื่อเรื่อง สเต๊กและอาหารลาว

ฮู้ก่อนเดินทาง  (รู้ก่อนเดินทาง)
       การทำใบผ่านแดนที่สะดวกสามารถ ทำที่บริเวณ ใกล้ๆสะพานมิตรภาพ ไทย-ลาว 1 ก็ได้ โดยใช้บัตร
ประชาชนในการทำเอกสาร แต่ถ้าหากใครมีพาสปอร์ตสามารถเดินทางไปที่ด่านได้เลย ควรถ่ายเอกสารใบ
ผ่านแดนมาเพื่อใช้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝั่ง
       อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาทเปิดบริการเวลา 08.00-16.30 น. อัตราค่าเข้าชม นักท่องเที่ยว
ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท


Route4 :
I-san OTOP Route

อุบลราชธานี-ศรีสะเกษ


Day1   เครื่องบินเแตะสนามบินอุบลราชธานีใน
เวลาสาย ก็เตรียมตัวลุยเส้นทาง OTOP ด้วยการตาม

หาสุดยอดของจิ๋ว หลายคนอาจเคยได้ยินชื่อกระบวยสารภี
หรือเคยเห็นมีวางขายที่ตลาดนัดจตุจักรในกรุงเทพฯ
แต่
กับบางคนที่ยังไม่เคยรู้จักก็ต้องขอย้อนความไปถึงที่มา
กันเสียหน่อย ว่าเป็นมาอย่างไร ที่ ศูนย์ศิลปะบ้านกระบวย ที่อ.เดชอุดม

        ในภาคอีสานกระบวยถือเป็นสิ่งมงคลและเป็นสัญ-
ลักษณ์ของความชุ่มชื่นสมบูรณ์   กระบวยสารภีเป็น
กระบวยจำลองขนาดเล็ก ที่ทำจากต้นบักกระบวย
ทางภาค
กลางเรียกว่า ลูกสารภีทะเล หรือต้นกระทิง เป็นไม้มงคล
โบราณ

       สมัยก่อนมักจะนิยมปลูกไว้ตามวัด หรือบ้านของเจ้าขุนมูลนาย ซึ่งในบักกระบวยจะมีผลเหมือนกะลาใบ
เล็กๆ คล้ายกะลามะพร้าว ตรงส่วนนี้นี่เอง ที่ชาวบ้าน นำมาทำเป็นกระบวยจิ๋ว ส่วนด้ามจับทำจากไม้มะยมป่า ไม้มะม่วง
       จากกระบวยจิ๋วอันน่ารัก เดินทางต่อไปที่ อ. หนองหาน หมู่บ้านหัตถกรรมทองเหลือง ชุมชนแห่งเดียว
ในประเทศไทยที่ยังคงทำเครื่องทองเหลืองหรือสำริดด้วยวิธีโบราณ และเป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวเชิงหัตถกรรมด้วย
กระดิ่ง ระฆัง เครื่องทองเหลือทุกชิ้ย ผลิตด้วยแบบขี้ผึ้งหาย และสลักลวดลายแบบโบราณที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์
วิธีการทำเครื่องทองเหลืองด้วยวิธีโบราณนี้ ชาวบ้านได้รับการถ่ายทอดจากครูทอง ล้อมวงศ์ ที่ล่วงลับไปแล้ว
แต่ชาวบ้านยังคงรักษาภูมิปัญญานี้ไว้
       เข้าพักที่โรงแรม ใน จ. ศรีสะเกษ เก็บแรงไว้ตามหา 2 ผลิตภัณฑ์จิ๋วๆ ที่เหลือบนเส้นทางอีกในวันรุ่งขึ้น


Day2   เช้าวันที่สอง หลังจากทานอาหารในตลาดตัวเมืองแล้ว เดินทางไปชมการผลิต ครุน้อย ที่กลุ่มจักสาน
บ้านสะอาง
ครุ เป็นเครื่องจักสาน ที่ชาวอีสานใช้เป็นภาชนะรองน้ำ ปัจจุบันเรามีภาชนะใส่น้ำที่ผลิตจากวัสดุชนิดอื่น
การใช้ครุจึงลดความสำคัญลงไป แต่งานฝีมือชิ้นนี้กลายเป็นชิ้นงานสร้างชื่อ เมื่อชุมชนบ้านสะอางมาแปรรูป
เป็นครุจิ๋ว
 ซึ่งสามารถนำไปทำของที่ระลึกได้หลากหลาย เช่น เข็มกลัด ต่างหู ขนาดเล็กจิ๋วสุดแค่เส้นผ่าศูนย์กลาง
ประมาณ 1 เซนติเมตร หรือเล็กเท่าเม็ดกระดุม ต้องใช้ความพยายามในการสานอย่างสูง ตั้งแต่การเหลาเส้น
ไผ่ให้เล็กบางเทียบเท่าเส้นผม และค่อยๆ สานขึ้นรูปอย่างประณีต  ออกจากบ้านครุน้อย ไปที่ หมู่บ้านใจดี
กลุ่มชาวบ้านผู้ผลิตเกวียนน้อย  จนได้รับรางวัลเป็นสินค้าสร้างชื่อของ อ. ขุขันธ์  เนื่องจากเป็นเกวียนน้อย
จำลองที่มีความสวยงามและมีรายละเอียดครบถ้วนไม่ต่างจากเกวียนจริง
หลังจากทึ่งกับของจิ๋วๆ กันแล้ว ไปสักการะพระธาตุเรืองรอง และไปชมความวิจิตรตระการตาของ
วัดล้านขวด ซึ่งสร้างขึ้นจากขวดแก้วนานับชนิด  ก่อนกลับไปรับประทานอาหารเย็นในตัวเมืองศรีสะเกษ
และเข้าพักที่โรงแรม


Day3    ตื่นเช้าเพื่อเดินทางไปขึ้นเครื่องบินกลับสู่กรุงเทพฯที่ อุบลฯ ยังพอมีเวลาเหลือก่อนเช็คอินขึ้นเครื่อง       
แวะซื้อของที่ระลึกที่ร้านพันชาติ และช็อปปิ้งของฝากในตัวเมือง เป็นการช่วยกระจายรายได้สู่ชาวบ้านท้อง
ถิ่นให้พวกเขามีกำลังที่จะผลิตสินค้า OTOP คุณภาพ และต่อชีวิตให้องค์ความรู้เก่าๆ ยังคงอยู่



ไปจั๋งไสดี้ (การเดินทาง)
       จากอุบลราชธานีเข้าสู่อำเภอเดชอุดม 45 กิโลเมตร จากอุบลราชธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 226 เข้า
สู่ศรีสะเกษ 64 กิโลเมตร


ม่วนซื่นคั่กๆ เลอะเที่ยวมอๆ (ท่องเที่ยวใกล้เคียง)
อุบลราชธานี
       
แก่งสะพือ เป็นแก่งหินที่สวยงามในแม่น้ำมูล ตั้งอยู่ในตัวอำเภอพิบูลมังสาหาร ห่างจากตัวเมืองอุบล
ราชธานี ตามทางหลวงหมายเลข 217 ประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นแก่งที่มีหินน้อยใหญ่สลับซับซ้อน เมื่อ
กระแสน้ำไหลผ่านกระทบหิน เกิดเป็นฟองขาวมีเสียงดังตลอดเวลา ช่วงที่เหมาะสำหรับเที่ยวชมแก่ง
สะพือคือ หน้าแล้ง ราวเดือนมกราคม-พฤษภาคม เพราะน้ำจะลดเห็นแก่งหินชัดเจนสวยงาม
        
อุทยานแห่งชาติภูจอง-นายอย  มีพื้นที่ประมาณ 686 ตารางกิโลเมตรในเขตอำเภอบุณฑริก อำเภอ
นาจะหลวย และอำเภอน้ำยืน มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศลาวและกัมพูชาหรือที่เรียกว่า สามเหลี่ยม
มรกต พื้นที่เป็นภูเขาในเทือกเขาพนมดงรัก สภาพป่ามีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับคนชอบเดินป่า
ดูนก สำรวจพันธุ์พืช มีน้ำตกหลายแห่ง เช่น น้ำตกห้วยทรายใหญ่ ชมสิ่งมหัศจรรย์กุ้งเดินพาเหรดที่แก่ง
ลำดวนในช่วงเดือนกันยายน และอื่นๆ อีกมากมาย 
       
บ้านปลาขาว อ. น้ำยืน  ชุมชุมเขียนภาพไทย มีผลงานภาพเขียนศิลปะ ประเพณีพื้นบ้าน และพุทธประวัติ
สร้างผลงานและรายได้ให้คนในชุมชน และถ่ายทอดงานศิลปะให้แก่ผู้ที่สนใจ เดินทางไปตามเส้นทาง
หลวงหมายเลข 2171 ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตรจากตัวจังหวัด
       จุดชมวิว ต. บุเบือย    เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีก 1 จุด จะเห็นแนวเทือกเขาพนมดงรักษ์ นอกจากนั้น
ยังมีอาหารอร่อย รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลให้เลือกซื้อ
       สวนกล้วยไม้ บ้านหนองคก- บ้านตายอย   สวนขนาดใหญ่ 5 สวน มีพันธ์ไม้และพันธ์กล้วยไม้ต่างๆ
ให้เลือกชม อยู่บนทางหลวงหมายเลข 2248


แซ่บอีหลีน่าบ๊าน (อร่อยประจำถิ่น)
     พาแลง คือธรรมเนียมการรับประทานอาหาร
ร่วมกันแบบพื้นเมือง ซึ่งถ้าหากไปเยือนศรีสะเกษ
ในเทศกาลดอกลำดวนในช่วงเดือนมีนาคม ไม่ควร
พลาดอาหารพาแลงที่จะมีให้ทานกันแบบเต็มเครื่อง

(ฮู้ก่อนเดินทาง)รู้ก่อนเดินทาง
        รอยต่อระหว่างหมู่บ้าน มีสถานที่ท่องเที่ยวที่
น่าแวะชม ควรวางแผนการเดินทางและกำหนด
ระยะเวลาให้ดี ทั้งผลิตภัณฑ์ของแต่ละหมู่บ้าน มี
ความพิเศษเป็นอัตลักษณ์เฉพาะ วิถีการค้าแบบ
ชาวบ้านส่วนใหญ่จะผลิตสินค้าตามสั่ง เพราะฉะ
นั้นถ้าอยากได้มากอาจต้องสั่งจองไว้ก่อน